วันจันทร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ทำไมต้อง "บ้านเรียน" ?





   ทำไมต้อง "บ้านเรียน" ? 
   ทำไมต้อง "จัดการศึกษาโดยครอบครัว"  ?

   รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 49 กำหนดให้บุคคลย่อมมีสิทธิเสมอกันในการรับการศึกษาไม่น้อยกว่าสิบสองปีที่รัฐจะต้องจัดให้อย่างทั่วถึง และมีคุณภาพโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย ผู้ยากไร้ ผู้พิการหรือทุพพลภาพ หรือผู้อยู่ในภาวะอยากลำบากต้องได้รับสิทธิตามวรรคหนึ่งและการสนับสนุนจากรัฐเพื่อให้ได้รับการศึกษาโดยทัดเทียมกับบุคคลอื่น การจัดการศึกษาอบรมขององค์กรวิชาชีพหรือเอกชนการศึกษาทางเลือกของประชาชน การเรียนรู้ด้วยตนเอง และการเรียนรู้ตลอดชีวิต ย่อมได้รับความคุ้มครอง และส่งเสริมที่เหมาะสมจากรัฐ และมาตรา 50 บุคคลย่อมมีเสรีภาพในทางวิชาการการศึกษาอบรม การเรียน การสอน การวิจัยและการเผยแพร่งานวิจัยตามหลักวิชาการย่อมได้รับความคุ้มครอง

   กฎกระทรวงว่าด้วยสิทธิในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานโดยครอบครัว พ.ศ.2547 ได้กำหนดความหมายการศึกษาโดยครอบครัวว่า เป็นการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานโดยครอบครัวแก่ผู้ ซึ่งครอบครัว หมายถึง บิดามารดา หรือบิดา หรือมารดาซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองหรือผู้ปกครองตามประมวลกฎหมายแพ่ง และพาณิชย์ และผู้จัดการศึกษาหมายถึง บุคลคลในครอบครัวหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากครอบครัวนั้นให้จัดการศึกษาให้แก่บุตรหลานด้วยตนเอง และจะต้องมีวุฒิการศึกษาไม่ต่ำกว่ามัธยมศึกษาตอนปลาย เว้นแต่ผู้จัดการศึกษาผ่านการประเมินโดยสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ว่าเป็นผู้มีความรู้ความสามารถหรือประสบการณ์ในการจัดการศึกษา โดยมีผู้เรียนเป็นบุตรหรือบุคคล   ผู้อยู่ในความปกครองของครอบครัว (สกศ. 2551 หน้า 5-7)


   การศึกษาโดยครอบครัว หรือ บ้านเรียน หมายถึง การศึกษาขั้นพื้นฐานที่ครอบครัวจัดให้แก่ผู้เรียนโดยสิทธิคุ้มครอง  ตามกฎหมาย ซึ่งมีรูปแบบการจัดการศึกษาแบบใดแบบหนึ่งหรือทั้งสามรูปแบบของการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย บนพื้นฐานของวัฒนธรรมไทยที่สถาบันครอบครัวเป็นรากฐานสำคัญที่สุดของชีวิต     ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการเรียนรู้ที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานการศึกษาชาติ


กล่าวโดยสรุปเพื่อให้เห็นภาพชัดถึงการจัดการศึกษาในบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ  พ.ศ.2542  แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒ พ.ศ.๒๕๔๕) ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาโดยครอบครัวหรือบ้านเรียน   ได้แก่
  ๑.บุคคลมีสิทธิและโอกาสเสมอกันในการรับการศึกษาขั้นพื้นฐานไม่น้อยกว่าสิบสองปี ที่รัฐต้องจัดให้อย่างทั่วถึงและมีคุณภาพโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย  บุคคลซึ่งมีความบกพร่องทางร่างกาย จิตใจ พิการ ทุพพลภาพ บุคคลซึ่งมีความสามารถพิเศษ ต้องได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นพิเศษ ได้รับสิ่งอำนายความสะดวก และรูปแบบการศึกษาที่เหมาะสมโดยคำนึงถึงความสามารถของบุคคลนั้น (มาตรา ๑๐)
  ๒.บิดา มารดา หรือผู้ปกครองมีหน้าที่จัดให้บุตรหรือบุคคลซึ่งอยู่ในความดูแล ได้รับการศึกษาภาคบังคับ และการศึกษานอกเหนือจากการศึกษาภาคบังคับ ตามความพร้อมของครอบครัว (มาตรา ๑๑)
  ๓.ครอบครัวมีสิทธิในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน (มาตรา ๑๒)
  ๔.บิดา มารดา ผู้ปกครอง และครอบครัวที่จัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีสิทธิได้รับสิทธิประโยชน์จากรัฐ ให้มีความรู้ความสามารถในการอบรมเลี้ยงดูให้การศึกษาแก่บุตร  เงินอุดหนุนการศึกษา  การลดหย่อนหรือยกเว้นภาษีสำหรับค่าใช้จ่ายการศึกษาการเข้าถึงบริการทางการศึกษาและเทคโนโลยีทางการศึกษา (มาตรา ๑๓ , ๑๔ , ๖๑ และมาตรา ๖๖)
  ๕.การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานของครอบครัวมีสถานะเป็นสถานศึกษาเรียกว่า ศูนย์การเรียน (มาตรา ๑๘)  และเมื่อเป็นสถานศึกษาก็เชื่อมโยงไปถึงบทบัญญัติอื่นๆ ได้แก่
    ๕.๑ อาจจัดการศึกษารูปแบบใดรูปแบบหนึ่งหรือทั้งสามรูปแบบ คือการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ การศึกษาตามอัธยาศัย (มาตรา ๑๕)
    ๕.๒ ต้องยึดแนวการจัดการศึกษา ตามหมวด ๔ (มาตรา ๒๒-๓๐) 
    ๕.๓ การบริหารจัดการศึกษามีความผูกพันกับเขตพื้นที่การศึกษา (มาตรา ๓๔ , ๓๗) 
    ๕.๔ เรื่องที่ได้รับการยกเว้นเป็นกรณีเฉพาะ : ศูนย์การเรียนไม่ต้องมีคณะกรรมการสถานศึกษา (มาตรา ๔๐)ครู ผู้บริหารและบุคลากรทางการศึกษาของศูนย์การเรียนไม่ต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ(มาตรา ๕๓)

      นอกจากนี้ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ ก็ได้เน้นย้ำเจตนารมณ์เรื่องสิทธิเสรีภาพทางการศึกษาเพิ่มเติมให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในบทบัญญัติมาตรา ๔๙ ที่กล่าวว่า
     “บุคคลย่อมมีสิทธิเสมอกันในการรับการศึกษาไม่น้อยกว่าสิบสองปีที่รัฐจะต้องจัดให้อย่างทั่วถึงและมีคุณภาพโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย   ผู้พิการหรือทุพพลภาพ หรือผู้อยู่ในสภาวะยากลำบาก ต้องได้รับสิทธิตามวรรคหนึ่ง และการสนับสนุนจากรัฐเพื่อให้ได้รับการศึกษาโดยทัดเทียมกับบุคคลอื่น  การจัดการศึกษาอบรมขององค์กรวิชาชีพหรือองค์กรเอกชน การศึกษาทางเลือกของประชาชน การเรียนรู้ด้วยตนเอง และการเรียนรู้ตลอดชีวิต ย่อมได้รับความคุ้มครองและส่งเสริมที่เหมาะสมจากรัฐ



บ้านเรียน จึงเป็นรูปแบบหนึ่ง
ในการศึกษาทางเลือกของประชาชน
 โดยการใช้สิทธิการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานของครอบครัว
ซึ่งนอกจากจะปรากฏชัดเจนในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติแล้ว
ยังได้รับการรับรองให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น โดยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
กฎหมายสูงสุดของชาติอีกด้วย